ภูมิแพ้ไรฝุ่นเป็นโรคที่ทำให้รำคาญใจอยู่เสมอสำหรับคนที่มีอาการแพ้ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคที่อันตรายร้ายแรง แต่ก็ทำให้รบกวนต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับ และประสิทธิภาพของวันต่อไป ตามสถิติจะพบว่ามีคนที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ถึง 20% โดยเฉพาะภูมิแพ้ที่เกิดจากสารไรฝุ่นนั้นพบมากที่สุดทั่วโลกทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ วันนี้ NON101 : บทเรียนพื้นฐานที่ควรรู้ จะมาบอกเล่าถึงเจ้า “ไรฝุ่น” สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อยู่กับเราในบ้าน และนอนกับเรามาตลอดทุกคืน เพียงแต่เราไม่รู้ตัวนั่นเอง แล้วอาการที่เกิดจากการแพ้ไรฝุ่นนั้นจะเป็นอย่างไร เราสามารถกำจัดมันได้จริงไหม ลองมาอ่านกันดูเลยค่ะ 🙂
ทำความรู้จักกับตัว “ไรฝุ่น”
ตัวไร (Mite) มีหลายชนิด มีทั้งตัวไรที่อยู่ในสัตว์จำพวก นก หรือ หนู แต่ตัวไรที่อยู่ในฝุ่นตามบ้านของเรานั้น จะเรียกกันว่าไรฝุ่น มีทั้งหมด 8 ขา และมีขนาดเล็กมาก เพียงแค่ 0.1-0.3 มิลลิเมตรเท่านั้น เราจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไรฝุ่นนั้นจะชอบความอับชื้นและจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ๆอุณหภูมิ 25-28 องศาเซลเซียส มักจะอาศัยอยู่ตามแหล่งที่มีฝุ่นสะสมเยอะๆ เช่น ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา พรม ผ้าม่าน โซฟา หรือสิ่งของที่ผลิตจากใยหรือจำพวกขนต่างๆ คอยกินเซลล์ผิวหนังที่ลอกหรือรังแคของคนและสัตว์เป็นอาหาร โดยตัวเมียหนึ่งตัวจะสามารถวางไข่ได้ประมาณ 80-100 ฟอง ทำให้ที่นอน 1 หลังนั้น สามารถมีตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่บนที่นอนมากถึง 2 ล้านตัว ยิ่งที่นอนที่มีอายุการใช้งานนานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีไรฝุ่นอาศัยอยู่มากขึ้นเท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าที่นอนใหม่จะไม่มีไรฝุ่นเลย เพียงแต่อาจจะมีปริมาณที่น้อยกว่านั่นเอง
อาการแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่น
อาการภูมิแพ้ไรฝุ่นนั้น สาเหตุหลักเกิดจากการระคายเคืองต่อตัวไรฝุ่นเอง หรือแพ้มูลของตัวไรฝุ่น ซึ่งปกติแล้วไรฝุ่น 1 ตัว จะขับถ่ายมากถึงวันละ 20-30 ก้อน และถึงแม้ว่าจะมีอายุไขเพียงแค่ 1 เดือน แต่เมื่อมันตายไปซากของตัวไรฝุ่นที่ยังอยู่ก็ยังจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้เหมือนเดิม ซึ่งอาการแพ้นั้นจะเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบแบ่งออกเป็น
- ภูมิแพ้ทางตา
จะมีอาการคันตา เคืองตา หรือน้ำตาไหล ถ้ามีอาการแพ้มากๆ อาจจะทำให้ตาบวม เกิดตุ่มที่หนังตา ตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบได้ - ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
การฟุ้งกระจายของตัวไรฝุ่นและมูลของมัน ส่งผลให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หรือจามติดๆกัน 5-10 ครั้ง และอาจทำให้เกิดอาการจมูกอักเสบ บวม เป็นไซนัสหรือมีอาการหอบหืด - ภูมิแพ้ทางผิวหนัง
หากเราสัมผัสโดนตัวไรฝุ่น หรือมูลของมันก็จะทำให้มีอาการคันตามอวัยวะร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคันหน้า คันจมูก ระคายเคืองผิว ทำให้เป็นผื่น เกิดการบวม แดง หรือผิวหนังอักเสบได้
เราจะป้องกันไรฝุ่นได้อย่างไร
อาการภูมิแพ้ไรฝุ่น ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะบ้านของเราไม่ว่าจะทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน ก็ยังคงต้องมีไรฝุ่นหลงเหลืออยู่ในบ้าน สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการหลีกเลี่ยงหรือหาวิธีป้องกันเพื่อลดปริมาณของไรฝุ่นให้ได้มากที่สุด และทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด
- หลีกเลี่ยงสิ่งของในบ้านที่เป็นผ้าใย หรือขนต่างๆ เช่น ไม่ควรใช้พรมในบ้าน โซฟาควรเลือกใช้โซฟาหุ้มหนังแทนโซฟาผ้า ผ้าม่านควรเลือกใช้เป็นแบบมู่ลี่แทนแบบผ้า
- ควรทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆในการเช็ด เพื่อลดปริมาณฝุ่นสะสมในบ้าน
และที่สำคัญในส่วนของห้องนอน
- ไม่ควรมีตุ๊กตาอยู่บนที่นอน ไม่ควรมีสิ่งของในห้องนอนเยอะหรือรกจนเกินไปเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่น
- เลือกใช้ผ้ากันไรฝุ่นสำหรับผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของมูลไรฝุ่นที่ทำให้เกิดอาหารแพ้
- เครื่องนอนควรซักทำความสะอาดทุกๆ 1-2 อาทิตย์ โดยใช้นำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-30 นาที หรือใช้เครื่องอบผ้าด้วยความร้อนช่วย
- การนำเครื่องนอนไปตากแดดสามารถช่วยกำจัดไรฝุ่นได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากตัวไรฝุ่นสามารถวิ่งหลบแดดไปอีกด้านที่ไม่ถูกแสงแดดได้
- เครื่องดูดไรฝุ่นสามารถช่วยกำจัดไรฝุ่นบางส่วนได้ แต่ไม่สามารถกำจัดได้ 100% เพราะตัวไรฝุ่นมีขาที่แข็งแรงมาก ทั้งหมด 8 ขา ยึดเกาะติดกับเส้นใยของเครื่องนอน เครื่องดูดไรฝุ่นที่มีความแรงไม่มากพอก็จะไม่สามารถดูดไรฝุ่นออกได้
- เลือกใช้ที่นอนยางพารา เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไรฝุ่นบนที่นอนได้ อย่างเช่นที่นอนยางพารา Cattrena เพราะไรฝุ่นและแบคทีเรียจะไม่สามารถแฝงตัวเจริญเติบโตอยู่ในยางพาราธรรมชาติได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ.. คาดไม่ถึงใช่ไหมคะว่าเจ้าตัว “ไรฝุ่น” จะมีอยู่ทุกที่ในบ้านขนาดนี้ และอยู่ร่วมกับเรามาตลอด เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกำจัด แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป หันมาใส่ใจความสะอาดในบ้านกันให้มากกว่าเดิม เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สำหรับป้องกันไรฝุ่น เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวัน และนอนหลับพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้วค่ะ