เทคนิคการดูแลรักษาที่นอนยางพารา

หากใครที่ใช้ที่นอนยางพาราคงจะรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมคะว่า.. ที่นอนยางพารานั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ ด้วยคุณสมบัติพิเศษของยางพารา ที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัว และคงสภาพดี ขนาดที่วัสดุประเภทอื่นก็ยังเทียบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม.. ถึงที่นอนจะมีคุณภาพที่ดี แต่หากเราใช้งานอย่างผิดวิธี ไม่ได้ดูแลรักษาที่นอนของเราอย่างถูกต้อง  ก็อาจทำให้ใช้งานได้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป ทำให้ต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่ก่อนเวลาอันควร และอาจทำให้อยู่นอกเหนือเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ วันนี้ NON101 : บทเรียนพื้นฐานที่ควรรู้ จะบอกเทคนิคการดูแลรักษาที่นอนยางพาราให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ใช้งานอย่างคุ้มค่ากันค่ะ

 

 

อันดับแรกสิ่งที่เราควรจะรู้ก่อนเลยคือ ที่นอนของเรานั้นผลิตจากวัสดุอะไร และมีส่วนประกอบของยางพาราหรือไม่ เพราะบางครั้งที่นอนประเภทอื่นๆ เช่น ที่นอนสปริง ที่นอนเมมโมรี่โฟม ก็อาจจะมีส่วนของชั้นยางพาราประกอบอยู่ด้วยเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของที่นอนและเทคนิคการเลือกใช้วัสดุของแต่ละแบรนด์ หากเราไม่รู้ก็อาจจะทำให้ข้ามขั้นตอนในการดูแลรักษานี้ไป ซึ่งเทคนิคการดูแลรักษานี้ก็สามารถใช้ดูแลรักษาหมอนหนุนยางพารา หมอนข้างยางพารา หรือท็อปเปอร์ยางพาราได้เช่นเดียวกันค่ะ

  • เป็นเรื่องปกติทั่วไปว่าที่นอนยางพาราแท้จะมีกลิ่นของยางพาราอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและระบบทางเดินหายใจ หากต้องการระบายกลิ่น สามารถทำได้โดยการเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมช่วยในการระบายกลิ่น ประมาณ 1-2 วัน กลิ่นจะค่อยๆเบาบางลงไป

 

  • ข้อสำคัญเลยคือ ห้ามนำที่นอนยางพารา หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เป็นยางพาราไปตากแดด หรือโดนแดดจัดๆโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อยางพาราเสื่อมสภาพ เปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น และมีลักษณะแข็งขึ้นจนทำให้เนื้อยางเปราะแตกได้

 

  • หากต้องการฆ่าเชื้อที่นอนแค่วางที่นอนในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเท หรือผึ่งลมก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากลักษณะธรรมชาติของยางพาราตัวไรฝุ่นจะไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดแบคทีเรียและเชื้อราอีกด้วย จึงไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อเท่าที่นอนประเภทอื่นๆ

 

 

  • ที่นอนยางพาราไม่ควรทำให้เปียกน้ำ แต่หากที่นอนเปื้อนและต้องการทำความสะอาด สามารถทำได้โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่อ่อนๆ และบิดให้หมาด เช็ดทำความสะอาดเฉพาะตรงจุดที่เปื้อน จากนั้นผึ่งที่นอนทิ้งไว้ หรือสามารถใช้พัดลม ไดร์เป่าผมแบบลมเย็นเป่าช่วยให้ที่นอนแห้งเร็วขึ้นได้ แต่หากเป็นที่นอนสำหรับเด็กเล็ก ที่อาจเกิดปัญหาการปัสสาวะลงบนที่นอน แนะนำว่าควรใช้ผ้ารองกันเปื้อน เพื่อกันน้ำสัมผัสสู่ที่นอนโดยตรง หรือเลือกซื้อที่นอนประเภทหุ้มหนัง เพื่อสะดวกต่อการเช็ดทำความสะอาด และยังไม่กักเก็บฝุ่นอีกด้วย (ทาง Cattrena มีบริการหุ้มหนัง และสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นแบบหุ้มผ้าเมื่อน้องโตขึ้นได้ค่ะ)

 

  • หลีกเลี่ยงการวางที่นอนไว้ในห้องที่อบหรือร้อนจนเกินไป ไม่ควรวางในตำแหน่งที่แดดจัดส่องถึงที่นอนยางพาราทั้งวัน เพราะมีส่วนทำให้ยางพารานั้นเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นกว่าอายุการใช้งานจริง

 

  • ที่นอนยางพาราจะมีน้ำหนักมากกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ แต่จะหนักมากน้อยขึ้นอยู่กับโครงสร้างโดยรวมของที่นอนแต่ละแบรนด์ ดังนั้นควรเลือกใช้ฐานเตียงนอนที่มีความแข็งแรง หากเลือกใช้เตียงไม้ควรจะเลือกที่สามารถรับน้ำหนักได้มากพอ เพราะไม้จะเกิดการแอ่นตัวถ้าน้ำหนักเกินที่รับได้ และอาจเป็นสาเหตุทำให้ที่นอนเป็นแอ่งตามแนวไม้ เกิดการยุบตัวและทำให้ผู้นอนเกิดอาการปวดหลังได้

 

 

โดยปกติแล้วที่นอนยางพาราที่มีคุณภาพดีเช่นเดียวกับที่นอนยางพารา Cattrena จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี และอาจมากไปจนถึง 20 ปี หากมีการดูแลรักษาที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม.. ถึงแม้ว่าที่นอนจะยังสามารถใช้งานได้นานเป็นสิบๆปี แต่วัสดุข้างในที่นอนนั้นย่อมเริ่มเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียอีกด้วย  ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรเปลี่ยนที่นอนใหม่เมื่อที่นอนมีอายุมากเกิน 10 ปี เพื่อสุขภาพของผู้นอนและสุขภาพการนอนที่ดีค่ะ

 

Cattrena – Best Selling